พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์
พิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์ปรกโพธิ์
แป้งโรยพิมพ์ มีลักษณะเป็นฝ้านวลดุจนวลตอง
ฉาบอยู่บนผิวเนื้อสำหรับประเภทเนื้อหนึกนุ่ม
ความหนาบางต่างกันตามระดับความนุ่มของเนื้อ สำหรับเนื้อที่นุ่มจัดและแห้งสนิท
จะปรากฏฝ้านวลหนามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณซอกต่างๆแป้งโรยพิมพ์มีปรากฏทั้งของวัดระฆังและบางขุนพรหม
แป้งโรยพิมพ์
เชื่อกันว่าเป็นผงแป้งที่ใช้โรยแม่พิมพ์ เพื่อให้เนื้อล่อนไม่ติดพิมพ์ในขณะถอดพระ
ซึ่งทำให้เนื้อพระประทับเอาผงแป้งติดมาด้วย
ถ้าหากว่าแป้งที่โรยไว้มากและเนื้อพระค่อนข้างเหลว
ก็จะทำให้เกิดเป็นแป้งโรยพิมพ์ชนิดผิวฟู แต่ถ้าเป็นเนื้อหมาดก็จะติดผงแป้งพอสมควร
จัดเป็นผิวแป้งโรยพิมพ์ธรรมดาที่กอรปด้วยผิวแป้งค่อนข้างหนา
แต่ถ้าหากเป็นเนื้อค่อนข้างเหลวเล็กน้อย และใช้แป้งโรยพิมพ์น้อยผิวเนื้อพระด้านหน้าจะไม่ปรากฏเป็นผิวแป้ง
แต่จะมีวรรณะขาวผุดผ่องกว่าผิวด้านอื่นๆ
ในประการสุดท้ายถ้าหากเป็นเนื้อค่อนข้างหมาด
ก็จะติดผงแป้งขึ้นมาหนาหรือบางแล้วแต่ปริมาณแป้งและระดับความหมาดของเนื้อ
ริ้วรอยธรรมชาติด้านหลัง
ริ้วรอยธรรมชาติด้านหลัง
พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์
พิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์ปรกโพธิ์
ริ้วรอยธรรมชาติด้านหลัง
ซึ่งอาจจำแนกออกได้เป็น 8 ประการ
- รูพรุนปลายเข็ม มีลักษณะเป็นรูเล็กๆขนาดปลายเข็ม อาจปรากฏอยู่โดยทั่วไปตลอดด้านหลังโดยไม่จำกัดบริเวณ เกิดมากบ้างน้อยบ้างต่างๆกันไปเป็นบางองค์ กล่าวคือ จะมีการคายอ๊อกซิเจนหรือฟองอากาศออกมาปุดๆ ในขณะที่เนื้อยังเป็นของเหลว ซึ่งเรียกว่า “ปฏิกิริยาปูนเดือด” ฟองอากาศพยายามผุดและลอยหนีออกจากผิวเนื้อขณะที่ยังเหลว พอพ้นจากผิวเนื้อจึงทำให้เกิดเป็นรูเล็กๆ
- รอยปูไต่ เป็นร่องรอยอีกชนิดหนึ่งที่แตกต่างไปจากรูพรุนปลายเข็มคือมิได้เกิดจากภายในออกมาสู่ภายนอกแต่มีลักษณะเป็นรอยย้ำหรือสักจากภายนอกลงไปในเนื้อมีสัณฐานเขื่องกว่ารูพรุนปลายเข็มและเป็นรูคู่ คือ สองรูเคียงกันและเดินเกาะคู่เป็นแนวทางไป คล้ายๆจะเป็นรอยทางเดินของแมลงอะไรสักชนิดหนึ่ง รอยปูไต่นี้ถ้าปรากฏสำหรับพระสมเด็จฯองค์ใดก็จะเป็นเครื่องช่วยในการพิจารณาตัดสินยืนยันในความแท้จริงได้เป็นอย่างดี
- รอยหนอนด้น ลักษณะโดยทั่วไปทำนองเดียวกับรอยปูไต่นั่นเองแต่แทนที่จะเป็นรอยคู่ กลับเป็นรอยเดี่ยว มีขนาดสัณฐานกว้างและลึกกว่ารอยปูไต่เล็กน้อย มีลีลาเป็นแนวทางเดินเช่นเดียวกัน บางองค์จะปรากฏเป็นแนวทางโค้งๆ จัดว่าเป็นริ้วรอยธรรมชาติ
- รอยย่นตะไคร่น้ำหรือฟองเต้าหู้ เป็นรอยย่นของผิวเนื้อโดยทั่วไปตลอดด้านหลัง หรือเป็นบางตอน ฯลฯ
- รอยกาบหมาก มีลักษณะเป็นริ้วรอยธรรมชาติคล้ายคลึงกับรอยย่นตะไคร่น้ำ สันนิษฐานว่าเกิดจากกรรมวิธีการสร้างขณะที่ถอดพระออกจากแม่พิมพ์และตัดกรอบแล้ว คงจะได้วางพระไว้บนแผ่นกาบหมากเพื่อผึ่งลมให้แห้ง
- รอยสังขยา มีสัณฐานมีลักษณะเป็นวงๆ ซึ่งมีเส้นรอบวงหยักคดเคี้ยวไปตามธรรมชาติ ปรากฏตอนบริเวณย่านกลางๆของพื้นที่ด้านหลัง ริ้วรอยย่นซ้อนกันของเนื้อคล้ายกับผิวน้ำเป็นพริ้วระลอกวงกลมกระจายออกจากส่วนกลาง
- รอยลายนิ้วมือ เป็นร่องลอยของลายหัวแม่มือของผู้กดพิมพ์พระในกรรมวิธีการสร้างนั่นเอง
- รอยริ้วระแหง นอกจากริ้วรอยธรรมชาติต่างๆแล้ว ยังมีริ้วรอยอีกชนิดหนึ่งที่มีปรากฏค่อนข้างหนาตาคือได้แก่ รอยริ้วระแหง
ริ้วรอยสัญลักษณ์ 8 ประการนี้
อาจมีปรากฏมากน้อยต่างๆกันไปชัดเจนบ้างรางเลือนบ้าง มีปรากฏเพียงชนิดเดียวหรือหลายชนิดปะปนกัน
หรือด้านหลังมีลักษณะค่อนข้างราบเรียบ เกือบจะสังเกตไม่ได้ว่ามีริ้วรอยธรรมชาติประการใด
ที่มา: คัดลอกจากหนังสือ "ปริอรรถาธิบาย แห่งพระเครื่องฯ เล่มหนึ่ง พระสมเด็จ” ของ ตรียัมปวาย
พิมพ์ครั้งที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๒๐