พุทธลักษณะ
เป็นพระพุทธรูปลอยองค์ขนาดเล็ก ปางมารวิชัย ครองจีวรแนบเนื้อเปิดไหล่ขวา
สังฆาฏิพาดไหล่ซ้าย ปลายสังฆาฏิรูปแฉกชายโบว์เหนือพระถัน
เอกลักษณ์ศิลปะเชียงแสนสิงห์หนึ่ง พระพักตร์สลักเป็นรูปใบหน้ามนุษย์
พระกรรณยาวจรดไหล่ พระเกศาและพระเมาลีเรียบเกลี้ยงไร้เม็ดพระศก
พระเกศจีมสั้นรูปดอกบัวตูม ประทับนั่งราบบนบัลลังก์ฐานเขียงชั้นเดียว
1. วัสดุที่ใช้สร้างองค์พระ สร้างด้วยหินแก้วผลึกควอตซ์สีน้ำผึ้งใส เรียกชื่อสากลว่า
“ซิทรีน” เป็นอัญมณีพลอยเนื้ออ่อน หินเขี้ยวแก้วหนุมาน เมื่อได้หินมาแล้ว
ช่างจะแกะสลักเป็นองค์พระแล้วเจียรนัยขัดผิวให้มันโปร่งแสง ปิดด้วยแผ่นทองคำเปลว บรรจุลงในกรุด้วยกาลเวลาอันยาวนาน
ทองจะหลุดล่อนออกไป เหลือติดอยู่เพียงเล็กน้อย พระแก้วสีน้ำผึ้งนี้มักเรียกกันว่า “พระแก้วบุษราคัม”
คราบไคลขี้กรุ เป็นผงดินสีออกดำ มีกรวดทรายผสมอยู่เล็กน้อย
ติดอยู่ในซอกแขน และซอกลึกหน้าตักองค์พระ
ขนาดหน้าตัก 2 ซม. สูง 3.2 ซม.
2. ยุคสมัยและศิลปะการสร้าง พระแก้วสีน้ำผึ้งนี้
สร้างร่วมสมัยกับการสร้างพระแก้วมรกต มีรูปแบบเดียวกันตามแบบศิลปะเชียงแสน-พะเยา สมัยล้านนายุคต้นพุทธศตวรรษที่
20 มีอายุ 600 ปี
3. ผู้สร้าง
พ่อค้าชาวจีนนำหินแก้วผลึกเข้ามาค้าขายในสมัยโบราณและสอนการแกะสลักให้ชาวโยนก แทนที่ชาวโยนกจะนำหินมาทำเครื่องประดับ
กลับนำหินมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปขนาดเล็กไว้บูชา
และเป็นพุทธบูชาไว้ตามกรุวัดต่างๆ ทั่วไปในถิ่นล้านนา โดยเฉพาะที่เมืองฮอดมีมากที่สุด เพราะเป็นศูนย์กลางการค้าขายระหว่างภาคเหนือและภาคกลาง
มีวัดจำนวนมาก เมื่อมีการเปิดกรุก่อนที่จะถูกน้ำท่วม จากการสร้างเขื่อนภูมิพล
ได้พระแก้วผลึกเหล่านี้จำนวนไม่น้อย จึงมีชื่อเรียกกันว่า “พระแก้วกรุฮอด”
แม้จะพบจากที่อื่นก็ตาม
พุทธคุณ
พระเครื่องสกุลเชียงแสนมีพุทธคุณสูงด้านอำนวยโชคลาภ
และมีพุทธานุภาพด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี เป็นมหาอุตม์ และแคล้วคลาดดียิ่งนัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น