วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

พระผงสุพรรณพิมพ์ใหญ่ “หน้าแก่” กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี

 

พระผงสุพรรณพิมพ์ใหญ่ “หน้าแก่” กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี

พุทธลักษณะ  พระผงสุพรรณ เป็นพระที่มีศิลปะอู่ทอง ปางมารวิชัย (สะดุ้งมาร) องค์พระประทับนั่งลอยองค์ ขัดสมาธิราบ พระวรกายสูงชะลูด พระหัตถ์ขวาพาดที่พระชานุ(หัวเข่า) พระหัตถ์ซ้ายวางหงายที่พระเพลาบนฐานเขียงชั้นเดียว ไม่ตกแต่งเครื่องประดับองค์พระ และผนังด้านหลังภายในกรอบรูปสามเหลี่ยมทรงสูง ตัดยอดป้าน แหลม เฉียง 5 เหลี่ยม ไม่เป็นที่ยุติ เหนือพระเมาลี พระพุทธปฏิมากรขนาดเดียวกันหมด ส่วนหนาไม่ยุติ บางองค์หนาตั้งได้ บางองค์บางมากเหลือเพียง 3-4 ม.ม. ก็มี

พิมพ์ใหญ่ “หน้าแก่” พระพักตร์เคร่งขรึม พระกำโบล(แก้ม) เหี่ยวตอบ พระหนุ(คาง)เสียมและมักจะเลือนหาย พระเกศเป็นต่อมกลมสองชั้น ชั้นล่างใหญ่ ชั้นบนเล็กยอดมน กรอบไรพระศกที่ชัดเจน นูนขึ้นสวยงามมาก ส่วนมากมักจะเลือน พระขนง(คิ้ว)เป็นปื้น หางพระเนตรชี้ขึ้นสูง พระเนตรข้างขวามักจะโบ๋ พระเนตรซ้ายมีเม็ดพระเนตร พระนาสิกป้าน ปลายพระนาสิกท่ากับพระโอษฐ์ มีรอยบากข้างพระนาสิกขวาเป็นขีดลึก พระโอษฐ์จู๋มี มีขนาดเท่ากับปลายพระนาสิกพระหนุ(คาง)เสี้ยมเล็ก บางองค์กลืนหายไปกับพระศอ พระกรรณข้างขวายาว ข้างซ้ายสั้น ไม่มีพระศอ
พระอุระ (หน้าอก) คล้ายหัวช้าง พระอุระ (ท้อง)ติดบางมาก พระพาหา (ท่อนแขนบน) พระกร(ท่อนแขนล่าง) มีขนาดพอสมควร เปรียบกับพิมพ์หน้ากลางแล้วมีนาดใหญ่กว่า ห่างกับลำพระองค์พอประมาณ พระกัปประ (ข้อศอก) ทั้งสองข้างมีระดับเสมอกัน ปลายพระหัตถ์ข้างซ้ายซึ่งวางหงายอยู่หน้าพระเพลาสั้น มักจะเห็นหัวพระอังคุฎ(หัวแม่มือ)รางๆ

พระเพลา(หน้าตัก)กว้างพอสมส่วน พระบาทขวาหงายทาบเฉียงขึ้นบนเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นการแน่นอนเสมอไป บางองค์ทาบตรงก็มี ไม่เห็นพระปราษณี (ส้นเท้า) และข้อพระบาท บางองค์เห็นนิ้วหัวพระบาท(หัวแม่เท้า) พระบาทซ้ายเช่นเดียวกัน

ด้านหลัง พระผงสุพรรณทุกองค์จักต้องมีลายมือของพระมหาเถระปิยะทัสสะสี ศรีสารีบุตร กดประทับอยู่ด้านหลัง ลักษณะเส้นลายมือคือแบบก้นหอย มีคลื่นหยักน้อยๆ ขยุกขยิก เกิดจากการหดตัวของมวลสาร ลายนิ้วมือเป็นเส้นใหญ่หยาบ ตามรูปร่างที่ใหญ่โต เนินเรียบปรากฏอยู่กึ่งกลางของเส้นลายมือ มีลักษณะนูน ไม่บ๋อมลงไปในเนื้อพระ ส่วนมากมีลักษณะนูนไม่มีวงก้นหอยกึ่งกลางลายมือนั้น

1.ลักษณะเนื้อพระผงสุพรรณ ไม่ได้ผ่านด้วยการเผาไฟ เนื้อพระจึงปราศจากความแข็งแกร่งเป็นสำคัญ มีความหนึกนุ่มเป็นเจ้าเรือน มีความละเอียดเนียนปราศจากเม็ดทรายใดๆทั้งสิ้น ผู้สร้างมีความพิถีพิถันในการป่นว่านบดผงเกษรและดินเหนียวจนละเอียด คาดว่าจักต้องใช้ผ้าบางหรือ แลงร่อนเอาผงดินบริสุทธิ์มาเป็นทัพสัมภาระ เนื้อพระผงสุพรรณจึงมีความละเอียดเนียน คล้ายพระตระกูลทางเหนือ เช่น พระรอด พระทุ่งเศรษฐี พระซุ้มกอ เป็นต้น
ความหนึกนุ่ม อณูของว่าน ผงเกสรดอกไม้ผสมกับดินเหนียวตากแห้งป่นละเอียด เมื่อนำมาผสมกับน้ำหวานจนจับกันเป็นผลึก บรรจุไว้ในที่ร้อนอบอ้าวภายในกรุย่อมไล่ความชื้นที่เกาะปฏิภาคของอณูให้เหือดแห้งหายไปยิ่งเวลาผ่านาน 500-600 ปี อณูภาคต่างๆจะมีความหดตัวพร้อมกับความแห้งผาก ผิดกับความแห้งด้วยการเผาไฟ
ความแห้ง-เก่า เนื้อพระผงสุพรรณ มีความแห้งผาก แห้งสนิทปราศจากความชื้นอยู่ภายเนื้อพระเลยแม้แต่น้อย ทั้งอมความเก่าไว้ด้วย อันเป็นคุณสมบัติที่แท้จริงของเนื้อพระผงสุพรรณ

สีของพระผงสุพรรณ ตามลานทองบอกว่า มีสองสี คือ สีแดงและสีดำ (เทาหม่นปนดำ) แต่ผู้ที่ได้พระผงสุพรรณมาแต่กาลก่อน ต่างยืนยันว่า ได้มาจากกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุทั้งสิ้น และมีสีอื่นอีก  ได้แก่ สีเขียวมอย และสีขาว หรือบางทีเรียกว่าสีใบลาน สีเนื้อก็เรียก ความนิยมแตกต่างกัน สีเขียวมอยนิยมมากอันดับหนึ่ง สีใบลานรองลงมา สีแดง และสีดำนิยมน้อยที่สุด

พระผงสุพรรณไม่ผ่านการเผา หากเผาจนสุกแล้ว ว่านและผงต่างๆจะถูกเผาจนสุก ทุกๆสีจะกลายเป็นสีแดงไปหมด
ขนาดหน้าตัก กว้าง 1.5 ซม. สูงจากใต้ขาซ้าย ถึงยอดพระเมาลี 2.5 ซม.

2. ยุคสมัยการสร้าง พระผงสุพรรณเป็นศิลปะอู่ทอง 1 ลานทองแผนที่ 1 บอกศักราชเป็นมหาศักราช 1265 และลานทองแผ่นที่ 2 บอกศักราช 1269 ให้เอา 621 บวกได้เป็น พ.ศ.1886 และ 1890 ชัดแจ้งอยู่แล้วว่า เป็นปีก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา เพราะปีก่อสร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีพ.ศ. 1893 ห่างกัน 7- 3 ปี
ดังนั้นพระผงสุพรรณ ควรสร้างในยุคอู่ทองตอนปลาย หรืออู่ทอง 3 มากกว่าจะเป็นในอู่ทอง 1 ตามศิลปะที่ปรากฏในองค์พระ อายุการสร้างถึงปัจจุบันราว 600 กว่าปี

3.ผู้สร้างพระผงสุพรรณ ลานทองแผ่นที่ 1 ได้ที่วัดพระศรีมหาธาตุ สุพรรณบุรี จารึกในแผ่นทองเป็นอักษรขอม แปลได้ความว่า ดังนี้
ศุภมัสดุ  1265 สิทธิการิยะ แสดงบอกให้รู้ว่า มีฤาษี 4 ตน พระฤาษีพิลาไลย์เป็นประธาน เราจะทำด้วยฤทธิ์ ทำเครื่องประดิษฐาน มีสุวรรณเป็นต้น คือบรมกษัตริย์ พระยาศรีธรรมาโศกราช เป็นผู้มีศรัทธา พระฤาษีทั้ง 4 ตน ซึ่งพร้อมเอาว่านทั้งหลาย พระฤาษีจึงอัญเชิญเทพดามาช่วยทำพิธี ทำเป็นพิมพ์ไว้ สถาน 1 แดง สถาน 1 ดำ ให้เอาว่านทำผง ปั้นก้อนพิมพ์ด้วยลายมือ ของพระมหาเถระปิยะทัสสะสี ศรีสารีบุตร์ คือเป็นใหญ่เป็นประธานในที่นั้น  ได้เอาแร่ต่างๆซัดสำเร็จแล้ว ให้นามว่าแร่สังฆวานร ได้หล่อขึ้นเป็นพิมพ์ต่างๆ มีอานุภาพต่างกัน  เสกด้วยมนต์คาถาทั้งปวงครบ 3 เดือนแล้ว ท่านเอาไปประดิษฐานไว้ในพระสถูปใหญ่แห่งหนึ่ง ทีเมืองพันธูม ถ้าผู้ใดได้พบเห็น ให้รีบเอาไปสักการบูชาเป็นของวิเศษ แม้จะมีอันตรายประการใดก็ดี ให้อาราธนาผูกไว้ที่คอ อาจคุ้มครองพยันตรายได้ทั้งปวง ถ้าผู้ใดออกรณรงค์สงคราม ประสิทธิด้วย ศัตราวุธทั้งปวง เอาพระลงสรงน้ำหอม แล้วนั่งบริกรรมพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ 108 จบ, พาหุง 13 จบ ใส่ขันสำริดนั่งอธิษฐานตามความปรารถนาเถิด ให้ทาทั้งหน้าและผมคอ หน้าอกถ้าจะใช้ในทางเมตตา ให้มีสง่า เจรจาให้คนทั้งหลายเชื่อฟัง ยำเกรง ให้เอาพระไว้ในน้ำมันหอม เสกด้วยคาถา เนาว์หรคุณ 13 จบ พาหุง 13 จบ พระพุทธคุณ 13 จบ ให้เอาดอกไม้ ธูปเทียน ทำพิธีในวันเสาร์ น้ำมันหอมเก็บไว้ใช้เสมอไป ทาริมฝีปาก หน้าผาก และผม ถ้าผู้ใดพบพระตามที่กล่าวมานี้ พระว่านก็ดี พระเกสรก็ดีกระทำด้วยแร่สังฆวานรก็ดี อย่าประมาทเลย อานุภาพของพระทั้ง 3 อย่างนี้ ดุจกำแพงแก้ว นตรายทั้งปวงไม่กล้ำกราย แล้วให้ว่าคาถา ทะเยสันตาจนจบพระพุทธคุณ,พระธรรมคุณ, พระสังฆคุณ แล พาหุงจนจบ และให้ว่าดังนี้อีก “คะเตสิกเก กะระณังมะกา ไชยยังมังคะรัง นะมะพะทะ กิริมิถิ กุรุมุทุ เกเลเมเถ กะระมะทะ ประสิทธิแล”  คาถานี้ให้ว่าทุกวันทุกคืนได้ประเสริฐ เพียงจบเดียวก็ดี ถ้าว่าได้ 13 จบ ตามตำรา จะปรเสริฐใหญ่ยิ่ง ให้ระลึกถึงท่านมหาเถระปิยะทัสสะสี ศรีสารีบุตร์ กับฤาษีพิลาไลย์ ช่วยกันป้องพยันตรายได้ทั้งปวงฯ จบ

พุทธคุณ เมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด เยี่ยมยอดด้านนิรันตรายเป็นเอก


หมายเหตุ
1. ศุภมัสดุ1265 คำนี้บอกศักราชในมหาศักราช เทียบกับพุทธศักราชแล้วตรงกับ พ.ศ. 1886
ลานทองแผ่นที่ 2 บอกศักราช 1269เทียบกับพุทธศักราชแล้วตรงกับ พ.ศ. 1890 อันเป็นปีสุดท้ายของพระเจ้าเลอไทย แห่งกรุงสุโขทัย และก็เป็นปีของพระเจ้าลือทัย(ลิทัย) ขึ้นครองราชย์ ดังนั้นจึงพอเชื่อได้ว่า กษัตริย์ครองกรุงสุโขทัยทั้งสองพระองค์ ไม่องค์ใดก็องค์หนึ่งเป็นผู้สร้าง แล้วนำมาบรรจุไว้ในองค์พระปรางค์ วัดพระศรีมหารัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี

2.เมืองพันธูม คือ เมืองสุพรรณบุรี




พระผงสุพรรณ พิมพ์อื่นๆ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น