วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

พระกำแพงสิบ เนื้อดินเผา กรุทุ่งเศรษฐี(นครชุม) กำแพงเพชร

 


พระกำแพงสิบ เนื้อดินเผา กรุทุ่งเศรษฐี(นครชุม) กำแพงเพชร


พระกำแพงสิบมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น พระเจ้าสิบองค์ พระกำแพงสิบทิศ หรือ ปัญญาบารมี มีบางท่านเรียกว่า สิบนาง การเรียกชื่อตามจำนวนองค์พระปฏิมาที่ประดิษฐานอยู่ในรูปลีบดอกบัวหลวง มูลเหตุที่สร้างพระกำแพงสิบนี้คงเนื่องมาจาก “พุทธนิมิต” ที่พระพุทธองค์ทรงแสงยมกปาฏิหาริย์ให้บังเกิดพาหุภาพขึ้นถึง 10 พระองค์ ตามคติพุทธศาสนามหายาน อนึ่งจำนวนสิบพระองค์นี้ อาจสืบเนื่องมาจากทศชาติ(พระเจ้าสิบชาติ) อันเป็นเรื่องราวของบารมีธรรมที่พระโพธิสัตว์ทั้งสิบชาติได้บำเพ็ญเพียรมาอย่างอุกฤษฏ์

พุทธลักษณะ องค์พระปฏิมาทั้งสิบองค์นั้น เป็นพิมพ์ลักษณะประติมากรรมนูนต่ำลอยเด่นเหนือพื้นผนังด้านหลังที่รองรับ เรียงรายเป็นระเบียบสามชั้น แถวชั้นบนมี 3 องค์ แถวชั้นกลางมีสี่องค์ แถวชั้นล่างมี 3 องค์ แต่ระยะช่องไฟแต่ละองค์ห่างกันกันพองาม หันพระเศียรเรียงรายขึ้นสู่ส่วนยอดของกลีบบัว

ขนาดองค์พระปฏิมาทั้งสิบองค์มีขนาดเท่ากัน แต่ละองค์มีฐานกว้าง 0.9 ซม. สูง 1.3 ซม. องค์พระประทับนั่งราบ ปางสมาธิ บนอาสนะฐานเขียงชั้นเดียว พระเศียรกลม พระเกศยาวเรียวปลายยาวแหลม พระพักตร์รูปไข่ พระกรรณยาวแนบพระปราง พระอุระใหญ่ พระอุทรคอด พระพาหาทั้งสองกางพระกัประเล็กน้อย พระกรขวาและซ้ายทอดโค้งอ่อนสลวย พระหัตถ์ทั้งสองวางประสานเหนือพระเพลาพอดี ช่องพระพาหาเห็นชัดเจน การจัดวางเรียงองค์พระปฏิมาตามตำแหน่งสัดส่วนเรขาคณิตอย่างน่าทึ่งในศิลปะของกำแพงสิบ ซึ่งออกแบบสร้างขึ้นอย่างประณีตวิจิตรพิสดารยิ่งนัก ทั้งหมดอยู่ภายในกรอบรูปกลีบดอกบัวหลวง มีส่วนกว้าง 4.2 ซม. ส่วนสูง 5 ซม. ด้านหลังเรียบโค้งอูมนูนแบบหลังเต่า

ยุคสมัย ศิลปะและผู้สร้าง ศิลาจารึกนครชุมหลักที่ 3 เป็นแผ่นหินอ่อนสีดำ มีอักษรจารึกด้านหน้า 78 บรรทัด ด้านหลัง 58 บรรทัด แต่งขึ้นในรัชกาลพระมหาธรรมราชาลิไท กษัตริย์กรุงสุโขทัย กล่าวถึงการสร้างพระเจดีย์ 3 องค์ในวัดบรมธาตุ นครชุม ในปีปีพ.ศ.1900 เดิมทีศิลาจารึกนครชุมนี้อยู่ในวัดเสด็จ หลังจากที่ทราบว่ามีพระเจดีย์บรรจุพระธาตุอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง  จึงมีการค้นหา เพราะขณะนั้นพื้นที่รกร้างเป็นป่าอยู่ พระยากำแพงเพชร(น้อย)ผู้ว่าราชการเมืองได้ค้นพบวัดและพระเจดีย์ ได้พบแผ่นลานเงิน ระบุถึงพระฤๅษี 11 ตน มีพระฤๅษีพิลาลัย พระฤๅษีตาวัว พระฤๅษีตาไฟ เป็นประธาน แก่พระฤๅษีทั้งหลาย ได้สร้างพระซุ้มกอ พระเม็ดขนุน พระพลูจีบ และพระเครื่องสกุลทุ่งเศรษฐี เช่น พระว่านหน้าทอง พระกลีบบัว พระเปิดโลก พะงบน้ำอ้อย รวมทั้ง พระกำแพงสิบ เป็นต้น ทั้งหมดเหล่านี้เป็นศิลปะสุโขทัยร่วมกับศิลปะกำแพงเพชรเองประยุกต์เข้าด้วยกัน

มวลสารที่ใช้สร้าง พระเครื่องเนื้อดินที่ขุดพบจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง หรือจากลานทุ่งเศรษฐี มักมีเนื้อดินละเอียดหนึกนุ่มเป็นพิเศษ จนเรียกติดปากว่า “เนื้อทุ่ง” เช่นพระซุ้มกอ พระเม็ดขนุน พระพลูจีบ เป็นต้น ยังมีพระกำแพงพวกหนึ่งที่น่าสนใจมากก็คือ พระกำแพงสอง พระกำแพงสาม พระกำแพงห้า พระกำแพงสิบ พระประเภทนี้มีทั้งเนื้อดินและเนื้อชินเงินซึ่งพบน้อย พระเนื้อดินมีทั้งเนื้อดินละเอียด และเนื้อดินหยาบ
พระดินเผา วัสดุส่วนใหญ่ คือดินละเอียดในท้องถิ่น บดกรองเม็ดกรวดทรายออกหมด ผสมด้วยผงว่านศักดิ์สิทธิ์ตามตำราโบราณ สร้างเป็นพระพิมพ์ดินเผา

พุทธคุณ พระกำแพงสิบ มีพุทธคุณและอานุภาพมาก นักพระเครื่องรุ่นเก่าเชื่อมั่นว่า มีพระกำแพงสิบไว้ติดตัวเพียงองค์เดียว สามารถคุ้มครองปกป้องอันตรายได้ทั้งมวล ดุจดังยมกปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์ สามารถขจัดเภทภัยและอัปมงคลทั้งปวง อีกทั้งยังดลบันดาลให้บังเกิดมหาลาภและเพิ่มพูนโภคทรัพย์ด้วยเป็นมหาเศรษฐี ดุจดังมงคลนามของพระเครื่องได้จากลานทุ่งเศรษฐี

พระคาถา “หัวใจทศชาติ” ได้แก่ “เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว” คาถานี้ใช้ได้สารพัดอย่าง ดีเด่นทั้งทางเมตตา คงกระพัน แคล้วคลาด ตลอดจนใช้ทำมนต์ปัดเป่า ถอนคุณแก้ไสย แก้อัปมงคล ป้องกันเสนียดจัญไร




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น