พระท่ากระดานหูช้าง เนื้อชินเงิน กรุวัดเหนือ(เทวสังฆาราม) ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
พอสิ้นเสียง เปล่า ทหารเสือดำนายนั้นหาเป็นอะไรไม่
เพียงแต่ว่าสะเก็ดระเบิดทะลุทะลวงเสื้อผ้าเครื่องแบบทหารเข้าไปติดอยู่ตามเนื้อหนังมังสาเท่านั้น
เสือดำนายนั้นมีอะไรดีจึงแคล้วคลาดแม้กระทั่งกับระเบิดซึ่งอย่าว่าแต่คนเลยรถจิ๊บทั้งคันก็ยังแหลกเป็นเศษเหล็กภายในพริบตา
แน่นอนเสือดำนายนั้นมีของดีแน่ และของดีที่คุ้มครองชีวิตเขามีเพียง 2 อย่างคือ
พระท่ากระดานหูช้างและพระโคนสมอของวัดเหนือ( เทวสังฆาราม) ตำบลบ้านเหนือ
อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งเขาอาราธนาขึ้นคอติดตัวเป็นประจำอำแต่จากประเทศไทยไปปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่ในสมรภูมิเวียดนามใต้
เรื่องดังกล่าวข้างต้นเป็นเรื่องจริง
เพราะพันเอกพิเศษสัมผัส ภาสนะยงภิญโญ ผู้บังคับการเสือดำได้เห็นมากับตาและยังช่วย แกะสะเก็ดระเบิดมากับมือเองด้วย
หลังจากนั้นอีกไม่นาน พันเอกพิเศษสัมผัสกลับมาเยี่ยมบ้าน ครั้นถึงเมืองไทยท่านก็ตรงไปวัดเหนือเลยทีเดียว
และขอเช่าพระโคนสมอจากทางวัดไปบูชา 1 องค์
ส่วนพระท่ากระดานหูช้างนั้นท่านมีอยู่แล้ว
ตั้งแต่ครั้งท่านยังฝึกเสือดำอยู่กาญจนบุรี
โดยได้ไปเมื่อตอนเป็นกรรมการขุดกรุวัดเหนือนี้ นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
พระท่ากระดานหูช้างเป็นพระที่ได้จากกรุ
ภายในพระเจดีย์โบราณขนาดใหญ่ที่มีอยู่องค์เดียวภายในวัดเหนือ
นอกจากได้พระท่ากระดานหูช้างแล้วยังได้พระเครื่องอื่นอีกมากกว่า 20 พิมพ์
แต่ขึ้นชื่อมากที่สุดได้แก่พระท่ากระดานกับพระท่ากระดานหูช้าง
ซึ่งเป็นพระที่ทางวัดเหนือได้นำทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมพระเครื่องกรุเดียวกันอีกหลายชนิด
ซึ่งต่อมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้กับนายทหารจงอางศึกที่เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลาไปราชการสงคราม
ณ ประเทศเวียดนามใต้จึงทำให้พระท่ากระดานหูช้างของกรุวัดเหนือเป็นพระยอดนิยมอันดับหนึ่งขึ้นมาทันที
ส่วนความศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นที่ประจักษ์มาแล้วทั้งเสือดำและจงอางศึก
พุทธลักษณะ ศิลปะอู่ทอง
1)
องค์พระปฏิมาประทับนั่งราบปางมารวิชัยบนรัตนบัลลังก์รูปฝักบัวภายในกลีบบัวคว่ำบัวหงาย
พระเศียรโต พระศกเป็นเม็ดกลม พระศฎา( ผมที่เกล้ามวย) ยกสูงขึ้นพระศกเป็นเม็ดกลมสองชั้น
พระเกศรัศมีรูปดอกบัวตูมยาวยอดแหลม
2)
พระพักตร์ยาวรูปสามเหลี่ยม พระนลาฏแคบ พระขนงโกงโค้งติดกันดังรูปนกบิน
ประเภทปูนพระนาสิกโด่งพระโอษฐ์ใหญ่ยาวพระปรางค์อวบพระหนุเล็กแคบพระศอเป็นลำกว้างมีเส้น
2 ลอน พระกันยาวจรดพระอังสา
3)
พระอังสากว้างโค้ง พระอุระแฟบ พระกฤษฎีเว้าคอด พระอุทรไม่นูน คลองพระจีวรแนบเนื้อ
ห่มดองเปิดพระอังสาขวา พระจีวรคลุมผ้าอังสาซ้าย เส้นชายพระจีวรนูนพาดคลุมลงใต้พระถันขวา
โค้งวกลงสอดเข้าซอกพระกัจฉะ พระสังฆาฏิ พาดจากพระอังสาซ้ายชายผ้ายาวลง มาถึงพระนาภี
4)
พระสรีระมีส่วนสูงชะลูดและเทอะทะผิดส่วนไปมากทีเดียว
พระพาหาขวาทอดลงข้างลำพระองค์ยกพระกรขึ้นเล็กน้อย พระหัตถ์วางกุมพระชานุลักษณะเข่านอก
พระพาหาซ้ายทอดลงกางออก พระกรโค้งเข้าใน พระหัตถ์วางหงายบนพระเพลา ประทับนั่งราบ
พับพระชานุขวา ยกพระชงฆ์หงายพระบาทวางทาบบนพระชงฆ์ซ้าย พระชงฆ์โตใหญ่คล้ายศิลปะเชียงแสน
5)
พระสรีระตั้งตรงทรงพระผาสุขวิหาร
ประทับบนรัตนบัลลังก์ฝักบัวภายในกลีบบัวคว่ำบัวหงายบนฐานรูปกลอง
ผิวภายนอกเป็นเส้นหวายติดเรียงกันเป็นแนวขนานทางตั้ง
6)
องค์พระปฏิมาและฐานประทับออกแบบสร้างเป็นประติมากรรมนูนต่ำประดิษฐานอยู่ภายในกรอบรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
กรอบเป็นเส้นลวดนูน ด้านหลังพระพิมพ์แบนเป็นแอ่งท้องกระทะพื้นผิวขรุขระเล็กน้อย
ยุคสมัย
ศิลปะและผู้สร้าง
“กาญจนบุรี” ในอดีตเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์(ประมาณ
5,000 ปี) เมื่อเข้ายุคประวัติศาสตร์แล้ว กาญจนบุรีสมัยทราวดีเคยเป็นเมืองสำคัญมาก่อน
เมื่อ “ขอม” เข้ามามีอำนาจอยู่ในสุวรรณภูมิ
กาญจนบุรีก็เป็นส่วนหนึ่งตกอยู่ในปกครองของขอมตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 17
เป็นต้นมาจนกระทั่งกลับมาเป็นเมืองสำคัญในสมัยอู่ทอง เมื่อถึง พ.ศ.1893 “พระเจ้าอู่ทอง” ได้ย้ายเมืองมาสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี กาญจนบุรีก็จัดเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญที่สุดของสมัยอยุธยา
ประติมากรรมของขลังหรือพระเครื่องชื่อดังของกาญจนบุรีที่พบมากที่สุดสร้างด้วยเนื้อชินสนิมแดง
85% อีก 15% เป็นเนื้อชินธรรมดาและเนื้อดินเผา
ศิลปะของพระเครื่องนั้นเป็นศิลปะทวารวดีมีไม่มากนัก นอกนั้นเป็นศิลปะอู่ทอง
และศิลปะอยุธยาเสียเป็นส่วนมาก
พระท่ากระดานหูช้างถือกำเนิดในสมัยอู่ทอง
ศิลปะอู่ทองนั้นคลุมเครือไม่ชี้ชัด คำว่า “อู่ทอง” นั้นก็คือ
“ไทย” นั่นเอง
เป็นไทยสายเก่าแก่ที่อพยพลงมาก่อนสายอื่นๆและคลุกคลีกับชนเผ่าเจ้าของถิ่นเดิมมานับชั่วศตวรรษเลยทีเดียว
พุทธศิลปะอู่ทองจึงสร้างตามอิทธิพลช่างของชนชาติเจ้าของถิ่นเดิมที่เป็นนายได้แก่
มอญ ศรีวิชัยและขอมโบราณ
มีอายุยืนยาวตั้งแต่สมัยทวารวดีผ่านศรีวิชัย ลพบุรี
และเข้าคลุกเคล้ากับศิลปะเชียงแสนและศิลปะสุโขทัยไปจดศิลปะอยุธยา จะพบว่าศิลปะอู่ทองปนอยู่ในทุกสกุลช่างที่มีในเมืองไทย
แต่ศิลปะอู่ทองก็กลั่นตัวเองจนเป็นสกุลช่างแท้ของตนเองได้ในยุคหลังลพบุรี
ซึ่งจัดว่าเป็นอู่ทองคลาสสิค เช่นเดียวกับสุโขทัยคลาสสิค และเชียงแสนคลาสสิค
ดังนั้นผู้สร้างพระท่ากระดานหูช้างก็คือปฏิมากร
สกุลช่างอู่ทองแห่งเมืองกาญจนบุรีนั่นเอง จัดเป็นศิลปะอู่ทองยุคกลางพุทธศตวรรษที่
17 อายุราว 700 ปี
ขนาด
ฐานกว้าง 5.5 ซม. สูง 10 ซม. หนา 0.2 ซม.
มวลสารใช้สร้าง
สร้างด้วยโลหะหนัก
2 ชนิดคือตะกั่วกับดีบุกหลอมละลายเข้าด้วยกัน เทหยอดลงเบ้าแม่พิมพ์
เมื่อเย็นแข็งตัวดีแล้ว แกะออกจากแม่พิมพ์ได้พระพิมพ์ผิวสีขาวแวววาว ดังเงินยวง
นำเข้าบรรจุกรุเก็บรักษาไว้ ต่อมาเมื่อมีการเปิดกรุพบพระเครื่องเหล่านี้
ผิวภายนอกของพระพิมพ์จะเกิดสนิมเป็นสีเทาตลอดจนสีดำโดยผ่านกาลเวลาอันยาวนานและ
จะกัดกร่อนระเบิดผุพังในที่สุดเป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
พุทธคุณ
เป็นยอดคงกระพัน
แคล้วคลาดและมหาอุตม์ เป็นที่เชื่อถือได้